วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

นางในวรรณคดีที่มีรักลำบาก รักพลัดพราก

นางมัทนา จากวรรณคดีไทย เรื่องมัทนะพาธา


มัทนาเป็นตัวละครที่มีความสำคัญที่สุดในบทละครเรื่องมัทนะพาธานี้  เนื่องจากนางมีบทบาทมากในการเชื่อมโยงตัวละครอื่นๆให้เข้ามามีบทบาทในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่มีสาเหตุมาจากความรัก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวละครในเรื่องนี้ล้วนแต่ได้รับความเจ็บปวดและเดือดร้อนเพราะความรัก โดยเฉพาะ นางมัทนาที่มีชื่อมาจากคำว่า มทน ที่มีความหมายว่าความลุ่มหลง หรือความรัก เป็นตัวละครที่ได้รับความเจ็บปวดและเดือดร้อนจากความรักมากที่สุด เพราะนางมัทนาเป็นทั้ง ผู้รักและ ผู้ถูกรักแต่ก็ไม่สมหวังใน ความรักสาเหตุของการที่มัทนาต้องเกี่ยวพันกับความรักมากมายเช่นนี้ เพราะมัทนาเป็นนางฟ้าที่มีรูปโฉมงดงาม จนเทพบุตร        สุเทษณ์ติดตาตรึงใจ และใคร่จะได้นางเป็นชายา แต่มัทนาไม่เคยสนใจสุเทษณ์ เพราะได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะครองคู่กับชายที่ตนรักเท่านั้น  ความตั้งใจของมัทนาดังกล่าวทำให้สุเทษณ์โกรธมากเพราะเขาเฝ้าวิงวอนขอความรักจากนางเป็นเวลานานทั้งๆที่สุเทษณ์ในฐานะของหัวหน้าหรือผู้นำเหล่าเทวดาและนางฟ้าทั้งหลายอาจจะใช้อำนาจบังคับมัทนาก็ย่อมได้ แต่การที่สุเทษณ์อ้อนวอนขอให้มัทนารับรักก็เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขารักมัทนาอย่างจริงใจ แต่เมื่อมัทนาปฏิเสธรักเขาโดยไม่มีเยื่อใย จึงทำให้เขาต้องใช้อำนาจสาปนางให้จุติลงมาเป็นต้นกุหลาบบนโลกมนุษย์  เมื่อมัทนามาเกิดเป็นต้นกุหลาบยังโลกมนุษย์และสามารถกลายร่างเป็นหญิงสาวได้เมื่อถึงคืนวันเพ็ญเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำให้นางได้มีโอกาสพบรักกับท้าวชัยเสน และกลายร่างเป็นมนุษย์โดยไม่ต้องกลับไปเป็นต้นกุหลาบอีก ชีวิตคู่ของมัทนากับท้าวชัยเสนดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งท้าวชัยเสนพามัทนากลับมายัง  นครหัสตินาปุระ เมื่อความทราบถึงพระนางจัณฑีผู้เป็นมเหสีของท้าวชัยเสน พระนางจัณฑีจึงเกิดความโกรธและหึงหวงจึงวางอุบายกำจัดมัทนา
      เมื่อท้าวชัยเสนหลงเชื่อกลอุบายที่พระนางจัณฑีใช้เพื่อกำจัดมัทนาแล้วจึงสั่งประหารมัทนาและศุภางค์ทหารคนสนิทของตนเพราะคิดว่าทั้งสองลักลอบเป็นชู้กัน เหตุการณ์ทุกอย่างจึงเป็นไปตามแผนการของพระนางจัณฑี แต่ทหารที่ได้รับคำสั่งให้ประหารมัทนากับศุภางค์นั้นกลับปล่อยตัวทั้งสองคนไป เพราะทราบว่าทั้งสองไม่ได้มีความผิดและถูกให้ร้าย  มัทนากลับสู่ป่าหิมะวัน และบำเพ็ญเพียรเพื่ออ้อนวอนให้สุเทษณ์ช่วยเหลือ เมื่อ     สุเทษณ์มาถึงก็มาขอความรักจากมัทนาอีก แต่นางปฏิเสธ  เมื่อสุเทษณ์ได้ฟังเหตุผลรวมทั้งคำอ้อนวอนให้       สุเทษณ์ช่วยให้นางได้ครองรักกับท้าวชัยเสนอีก เพราะท้าวชัยเสนเป็นชายเดียวที่นางรักและไม่คิดจะเปลี่ยนใจ คำขอของนางทำให้สุเทษณ์บันดาลโทษะ จึงได้สาปให้นางเป็นต้นกุหลาบตลอดชั่วนิรันดร

นางโมรา จากวรรณคดีไทย เรื่องจันทโครพ




หลายคนคงรู้จักชื่อของนางในวรรณคดีนางหนึ่งที่ชื่อว่า  "โมรา"  เพราะชื่อนี้ นอกจากจะเป็นชื่อของนางในวรรณคดีเรื่อง "จันทโครพ" แล้ว ยังใช้เป็นคำเรียกผู้หญิงหลายใจ ที่นอกใจสามีตัวเองอีกด้วย เนื่องจาก เจ้าชายจันทโครพได้ไปศึกษาเล่าเรียน อยู่กับพระฤษีตนหนึ่งจนสำเร็จวิชา อาจารย์เลยให้ผอบทอง ซึ่งมีสาวสวยอยู่ข้างในนั้นคือ นางโมรา โดยพระฤษีกำชับนักหนาว่า อย่าเพิ่งเปิดผอบระหว่างทาง แต่ความที่อยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ทำให้จันทโครพตัดสินใจเปิดออกดู เมื่อเห็นนางโมราก็หลงรักทันที และได้นางเป็นชายาที่กลางป่านั่นเอง แต่ขณะที่ทั้งคู่เดินทางกลับเมือง ก็ไปเจอโจรป่าเข้าเลยถูกปล้น โดยโจรหวังจะชิงนางโมราไปด้วย จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ท้ายที่สุด พระขรรค์หลุดออกไป จันทโครพตะโกนให้นางส่งพระขรรค์ให้ แต่นางกลับส่งให้โจรเอามาฆ่าจันทโครพตาย ส่วนโจรได้นางโมราไปแล้วก็เกิดไม่แน่ใจ กลัวถูกทรยศเหมือนจันทโครพ เลยแอบหนีนางไป ทำให้โมราต้องระหกระเหินหิวโหยอยู่ในป่า พระอินทร์จึงแปลงร่างเป็นเหยี่ยวคาบชิ้นเนื้อมาลองใจ โดยตกลงว่าเมื่อให้ชิ้นเนื้อแล้ว นางต้องมาเป็นภรรยา นางโมราก็มิได้ขัดขืนแต่อย่างใด พระอินทร์เห็นเช่นนั้นก็โกรธว่า เป็นหญิงมักมากในกามคุณ โดยไม่เลือกว่าโจรหรือสัตว์ จึงสาป  นางให้กลายเป็นชะนี ส่งเสียงร้องโหยหวนเรียกหาสามีของตน
ในการดำเนินชีวิตของนางโมรานับว่าไม่สุขสบาย และแตกต่างไปจากนางในวรรณคดีเรื่องอื่นๆ โดยจันทะโครพเปิดผอบออกมาที่กลางป่า จึงไม่ได้รับความสุขสบาย ถึงแม้ว่านางโมราจะเป็นตัวละครหลักของวรรณคดีเรื่องจันทโครพ แต่ช่วงเวลาในการใช้ชีวิตนอกผอบของนางโมราก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งไม่ได้รับความสุขสบายแต่อย่างใด มีเพียงการดูแลปรนนิบัติ จากจันทโครพผู้เป็นสามีคนแรกเท่านั้น


วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

นางในวรรณคดีที่มีชะตาอาภัพ




      จินตะหราวาตี 
 


      ธิดาท้าวหมันหยา มีความสวยไม่แพ้ใคร แต่กลับต้องหลงลม "อิเหนา" ผู้ชายที่เจ้าชู้ จิตใจโลเล เชื่อถือไม่ได้ เมื่ออิเหนาได้เจอบุษบาก็หลงไหลได้ปลื้มบุษบา จนไม่ยอมกลับ ปล่อยให้นางต้องคอยและรันทดไปกว่านั้น นางต้องเป็นรองบุษบา เพียงเพราะนางไม่ใช่คู่หมั้นอิเหนาเจออิเหนา นางก็เจอก่อน รักอิเหนา นางก็รักก่อน แต่เพราะความโลเลของอิเหนาที่ปันใจไปรักบุษบา ทำให้นางต้องกลายเป็นรองบุษบาแบบช่วยไม่ได้

นางมโนราห์  



มโนราห์เป็นนางกินรี และเป็นธิดาองค์สุดท้อง ในจำนวนธิดาทั้ง 7 องค์ของท้าวประทุมกับนางจันทกินรี ซึ่งครองเมืองกินนรที่เขาไกรลาส นางกลับต้องถูกลักพาตัวโดยพรานบุญ ต้องจากครอบครัว ถึงมาเจอคนรัก แต่ชะตาชีวิตของนางก็ใช่ว่าจะดี เพราะนางต้องถูกจับบูชายัญตามกลลวงของปุโรหิต แต่นางก็ใช้อุบายจนรอดมาได้

นางรจนา


เพราะพระบิดา บอกว่าเลือกคู่ครองเป็นใครก็ได้ตามใจตน และเมื่อนางเลือกเงาะป่าบ้าใบ้มาเป็นคู่ชีวิต นางก็ถูกไล่ออกจากวังไปอยู่กระท่อมท้ายสวน ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะขัดใจพระบิดา
เอ้า! ก็พระบิดาบอกว่าตามแต่ใจของรจนา ไม่ใช่ตามแต่ใจพระบิดา พอรจนาเลือกไม่ถูกใจ ก็ไล่ซะอย่างนั้น

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

นางวรรณคดีที่พัวพันกับสัตว์


  นเงือ
     
       นางเงือก เป็นพระมารดาของสุดสาคร มีเชื้อสายเงือกน้ำ (ครึ่งบนเป็นคนครึ่งล่างเป็นปลา) นางถือกำเนิดมาท่ามกลางเกลียวคลื่นน้ำเขียวกระจ่างราวเกล็ดเพชรของท้องทะเลกว้าง ภายใต้สายลมละมุนและแสงแดดอันอบอุ่น

นางเอื้อย


        นางเอื้อยนางเอกเรื่อง ปลาบู่ทอง นางเสียรู้นางขนิษฐี (แม่เลี้ยง) จนตกลงในกระทะน้ำเดือดที่ตั้งอยู่ใต้ทุนบ้าน แต่นางก็ไม่ได้สิ้นใจในกระทะน้ำเดือด ร่างของนางได้กลายเป็นแขกเต้าแล้วบินหนีไป
นางสุพรรณมัฉา
     
      นางสุพรรณมัจฉา เป็นพี่น้องร่วมบิดากับนางสีดา และก็เป็นผลมาจากความเจ้าชู้ของทศกัณฐ์โดยแท้ นางจึงมีร่างเป็นปลาอย่างอย่างมารดาและกายช่วงบนยักษ์เหมือนทศกัณฑ์
นางอุทัยเทวี

ณ เมืองบาดาล ธิดาพญานาคตนหนึ่งต้องการอยากจะออกมาพบเจอกลับโลกภายนอก จึงแอบหนีมาเที่ยวยังเมืองมนุษย์ และได้เกิดพบรักกับรุกขเทวดารูปงามที่สิงสถิตอยู่   ณ ต้นไม้ริมสระน้ำ ด้วยความรักที่มีให้แก่กัน ธิดาพญานาคจึงได้ตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมาเป็นไข่หนึ่งฟอง นางได้ใช้จึงสไบห่อไข่และพ่นพิษคุ้มครองไข่เอาไว้ก่อนจะกลับลงสู่เมืองบาดาลดังเดิม และหวังว่าลูกของตนจะปลอดภัยจากอันตรายทุกประการแต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ไข่ก็ฝักเป็นเด็กน้อยออกมา แต่ระหว่างที่เด็กน้อยกำลังจะลืมตาดูโลก บังเอิญมีนางคางคกผ่านมาเห็น และแอบกินไข่จนตายด้วยพิษของนางพญานาค เด็กหญิงที่เพิ่งเกิดลืมตามาเห็นนางคางคกก็คิดเอาเองว่านางคางคกเป็นแม่ของตน     จึงได้อาศัยอยู่ในซากคางคกเน่าๆ นั้น ต่อไป จนกระทั่ง มีตายายคู่หนึ่งบังเอิญผ่านมาเห็นเด็กน้อย ก็เข้าช่วยเหลือเลี้ยงดูด้วยความสงสาร และตั้งชื่อให้ว่า อุทัยเทวี
นางแก้วหน้าม้า

     แก้ว เป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนม้า ชาวบ้านจึงเรียกว่า แก้วกน้าม้า แม้จะเป็นหญิงที่เรียกได้อย่างเต็มที่ว่าอัปลักษณ์ที่สุดแห่งนครมิถิลา แต่นางมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง คือ สามารถรู้ล่วงหน้าว่า ลม ฝน จะมาเมื่อไร ที่ไหน ใครทำนาล่มนาแล้ง นางก็บอกที่เหมาะสม อุดมสมบรูณ์ให้ย้ายเสีย

ที่มา : หนังสือกุลสตรีไทย นางในวรรณคดี มาลัย

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

บทชมโฉมนางในวรรณคดี

ระเพื่อน ระแพง




                                         ทุกเมืองมีลูกท้าว            นบมี มากนา
บเปรียบสองกษัตริย์ พี่น้อง
พระแพงแม่มีศรี ยศยิ่ง คนนา
พระเพื่อนโฉมยงหย้อง อยู่เพียงดวงเดือน ฯ
                                         โฉมสองเหมือนหยาดฟ้า   ลงดิน
งามเงื่อนอัปสรอินทร์ สู่หล้า
อย่าคิดอย่าควรถวิล ถึงยาก แลนา
ชมยะแย้มทั่วหล้า               หน่อท้าวมีบุญ ฯ
                                                                          (จากเรื่องลิลิตพระลอ)

ะเวงวัณฬา


งามเสงี่ยมเอี่ยมอิ่มดูพริ้มพักตร์
พระเกศปักปิ่นทองใส่ช้องผม
นิ้วนิดนิดชิดแช่มแฉล้มกลม                               
แต่ทรวงห่มส่านพับนั่งหลับตา
                                         นวลละอองสองแก้มเหมือนแย้มยิ้ม     
                                         ดูจิ้มลิ้มหลงเสน่ห์ในเลขา
พระโอษฐ์อิ่มพริ้มพรายชม้ายมา                          
พอปะหน้าเต็มรักก็ยักคิ้ว
                          (จากเรื่องพระอภัยมณี)


   บุษบา


พักตร์น้องละอองนวลเปล่งปลั่ง
ดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์                  
ดังกินรีลงสรงคงคาลัย
งามจริงพริ้งพร้องทั้งสารพางค์            
ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน
ดูเดินดังเนินเหมราช
งามประหลาดเลิศล้ำเลขาฯ
                               (จากเรื่องอิเหนา)


ที่มา : หนังสือกุลสตรีไทยนางในวรรณคดี มาลัย










วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

5 อันดับนางในวรรณคดีที่น่าสงสาร



  

อันดับที่ 1 นางวันทองหรือนางพิมพิลาไลย



นางวันทองได้ฉายาว่า วันทองสองใจ เพราะได้ทั้งขุนช้างและขุนแผนเป็นสามี แถมพอพระพันวษาให้เลือกว่าจะอยู่กลับใคร นางก็ตอบว่าตามแต่จะโปรด ทำให้ถูกเข้าใจผิดว่ามักมาก อยากจะอยู่กับทั้งสองคน แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว นางรักขุนแผนแต่เพียงผู้เดียว ทั้งเฝ้ารอ เฝ้าคอย ถึงแม้จะถูกขุนช้างฉุดคร่าไปอยู่ด้วย แต่นางก็ยังรักและซื่อสัตย์ต่อขุนแผน และแม้ว่าสุดท้ายแล้วนางจะโดนประหารชีวิต นางเป็นผู้หญิงสมัยก่อนที่โชคชะตาถูกกำหนดโดยเพศชายซึ่งเอาเปรียบเพศหญิงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นขุนแผนหรือขุนช้าง ทั้งสองคนต่างก็ทำร้ายนางเท่าเทียมกัน ตรงที่ขุนแผนพูดกับตัวเองว่า การใช้ชีวิตร่วมกับนางวันทองนั้นก็เหมือน "กินน้ำเห็นปลิง" นั่นคือทุกครั้งที่เขามองเห็นนาง เขาจะนึกถึงความสัมพันธ์ของนางกับขุนช้าง และจำได้อีกตอน ที่ขุนช้างจับนางมาข่มขืน นางขัดขืน แต่ขุนช้างก็ใช้กำลังบังคับจนสำเร็จ 


อันดับที่  2 นางพันธุรัตน์ 






นางพันธุรัตน์ เอ่ยชื่อนางพันธุรัตน์ น้องๆ หลายคนอาจจะทำหน้างงว่านางเป็นใคร นางคือนางยักษ์ที่เลี้ยงดูพระสังข์จนอายุได้ 15 ปี แต่พอพระสังข์รู้ว่านางเป็นยักษ์ ก็หนีนางไป นางออกตามหาพระสังข์ จนพบว่าพระสังข์หนีไปอยู่บนเขา จึงอ้อนวอนขอให้พระสังข์ลงมาหา พระสังข์ก็ไม่ยอมลง แม้สุดท้ายก่อนนางจะสิ้นใจตาย ก็ยังหาศิลาเขียนแผ่นมหาจินดามนต์ไว้ให้พระสังข์ใช้เรียกเนื้อ เรียกปลา พูดได้ว่า ถึงแม้พระสังข์จะกลัวนางจนหนีไป แต่นางก็รักและเป็นห่วงพระสังข์มาก จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตก็ตาม ถึงแม้นางจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของพระสังข์ แต่นางก็รักพระสังข์มาก 

อันดับที่  3 นางเมรี




นางเมรี ลูกสาวนางยักษ์สันทมารที่เลี้ยงดูนางสิบสอง นางเมรีได้พบกับพระรถ เพราะนางยักษ์ผู้เป็นแม่ ได้ส่งพระรถมาพร้อมสารที่ว่า "ถ้าพบก็ให้ฆ่าเสียทันที" โชคดีที่พระฤาษีได้เจอกับพระรถกลางทาง จึงเปลี่ยนสารเป็นว่า "ถ้าพบให้แต่งงานทันที" ทั้งสองจึงได้กลายเป็นคู่รักกัน และแม้ว่านางเมรีจะได้พบกับพระรถเสนเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่นางก็รักพระรถอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่านางจะโดนพระรถหลอกมอมเหล้า แล้วแอบเอาห่อลูกตาของนางสิบสองและยารักษาตากับของวิเศษที่ใช้เป็นเครื่องกีดขวาง หลบหนีไป นางก็รีบจัดทัพติดตามพระรถไปโดยทันที ถึงแม้พระรถจะใช้ของวิเศษกีดขวางนาง แต่นางก็ติดตามและฝันฝ่าอย่างไม่ย่อท้อ และสุดท้ายนางต้องคร่ำครวญจนสิ้นใจตายอยู่ริมแม่น้ำไฟกรด เรื่องนี้ถือเป็นตำนานแห่งรักแท้อีกเรื่องก็ว่าได้
 

อันดับที่  4 นางผีเสื้อสมุทร



     

นางผีเสื้อสมุทร นางยักษ์ในตำนาน ผู้หลงใหลรูปลักษณ์ของพระอภัยจนปลอมตัวเป็นสาวสวยเพื่อยั่วยวนให้พระอภัยหลงรัก ถึงนางผีเสื้อสมุทรจะร้ายกาจสักเพียงไหน แต่ที่นางทำไปทั้งหมดก็เพราะรัก           พระอภัยมณี ยามที่พระอภัยมณีอยู่กับนาง นางก็ดูแลปรนนิบัติอย่างดีเสมอ แต่พอพระอภัยมณีรู้ว่านางเป็นยักษ์ก็คิดจะหนี (ทำไมนะ พอตัวละครในวรรณคดีไทยรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยักษ์  ซ้ำพอนางไปตามหา ก็โดนพระอภัยมณีบอกว่าเรามันต่างสายพันธุ์กัน เจ้าเป็นยักษ์ พี่เป็นมนุษย์ จะอยู่กับเจ้าได้อย่างไร)

  อันดับที่ 5 นางกากี  
 






นางกากี ผู้หญิงที่มีสามีถึง 6 คน ฟังดูแล้วเป็นผู้หญิงไม่ดี แต่มองมุมกลับ ปรับมุมมองดูสักนิด ถ้าได้อ่านวรรณคดีเรื่องนี้ดู นางกากีน่าสงสารมาก เริ่มจากนางเป็นมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต แต่ถูกพระยาครุฑอุ้มพาไปอยู่ด้วยวิมานฉิมพลี คนธรรพ์นาฏกุเวร ที่มาสืบข่าว (อาสาจะพานางกลับไปหาพระเจ้าพรหมทัต) พอเห็นนางกากี ก็เกี้ยวพาราสีและข่มขู่นาง จนได้เสียกันในที่สุด พอพระยาครุฑนำนางมาคืนพระเจ้าพรหมทัต พระเจ้าพรหมทัตก็จับนางลอยแพ เพราะทนไม่ได้ที่นางตกเป็นของคนอื่น ต่อมา นางลอยไปเจอกับเรือสำเภา เจ้าของเรือเกิดหลงใหลในรูปลักษณ์นาง ก็ตั้งนางเป็นภรรยา พอกลับถึงฝั่งก็บังเอิญเจอโจรป่า โจรป่านึกรักนางจึงลักพาตัวนางไปเป็นภรรยาอีก ความสวยของนางทำให้พวกโจรฆ่ากันตายเพื่อแย่งชิงนาง นางกากีจึงหลบหนีเข้าป่า ทำให้บังเอิญเจอท้าวทศวงศ์ ความสวยของนางดึงดูดใจ ทำให้พระองค์ตัดสินใจพานางกลับไปเป็นมเหสี นาฏกุเวรที่ได้ขึ้นครองเมือง เมื่อทราบข่าวก็ตัดสินใจมาเล่าความจริงทุกอย่างให้ท้าวทศวงศ์ฟัง และขอตัวนางกากีกลับ แต่ท้าวทศวงศ์ไม่ยอม ทำให้เกิดสงครามชิงขึ้น ท้าวทศวงศ์แพ้ นาฏกุเวชจึงนำนางกลับไปเป็นมเหสีที่เมืองของตน 



ที่มา
5 อันดับนางในวรรณคดีไทยที่น่าสงสารที่สุด.(ม.ป.ป.).[ออนไลน์]. แหล่งที่มา : news.imeaw.com/s/
42893.[22 กันยายน 2559]